พิธีมอบเสื้อกาวน์แก่นิสิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

24 เมษายน 2561

โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ทำพิธีมอบเสื้อกาวน์นิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 9

     วันอังคารที่ 24 เมษายน 2561 นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานมอบเสื้อกาวน์นิสิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชั้นปีที่ 4 รุ่นที่  9 จำนวน 32 คน ณ ห้องประชุมลีลาวดี 1 อาคารอนุสรณ์ 100 ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ,ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จฯ, , นายนิติ วิวัฒน์วานิช นายอำเภอศรีราชา, นายธานี รัตนานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา พร้อมแขกผู้มีเกียรติ และผู้ปกครองนิสิตแพทย์ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้

         นายแพทย์ณัฐวุธ ศาสตรวาหา รองผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กล่าวว่า  โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ได้รับมอบหมายให้เป็นสถาบันหลักในการผลิตแพทย์ชั้นคลินิกในโครงการร่วมผลิตแพทย์ระหว่างโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา โดยมีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอนในชั้นก่อนคลินิก คือ ชั้นปีที่ 1-3 และรับผิดชอบจัดการเรียนการสอนในชั้นคลินิก ชั้นปีที่ 4-6 ซึ่งมุ่งเน้นปฏิบัติทักษะทางการแพทย์ โดยปัจจุบันมีนิสิตแพทย์สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตแพทย์ไปแล้ว 6 รุ่นๆ ละ 32 คน

        สำหรับการมอบเสื้อกาวน์ในครั้งนี้ เพื่อให้นิสิตแพทย์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเสื้อกาวน์ สีขาว อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามของวิชาชีพแพทย์ และเป็นกำลังใจให้นิสิตแพทย์ มีความมุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ ประสบการณ์ เมื่อสำเร็จการศึกษาเป็นแพทย์ที่ดีต่อไปในอนาคต

        ด้านนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี   กล่าวว่า ตนรู้สึกภาคภูมิใจ ที่จังหวัดชลบุรีมีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพ มีความพร้อมในการผลิตบัณฑิตแพทย์ และถือเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของภาคตะวันออกที่ผลิตแพทย์ให้กับประเทศชาติ  “ขอแสดงความยินดีกับนิสิตแพทย์ทุกคน ที่ได้ก้าวผ่านการเรียนในชั้นปีที่ 1 ถึง 3 และหลังจากนี้อีก 3 ปีข้างหน้า นิสิตแพทย์จะพบกับการเรียนการสอนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะมีผู้เจ็บป่วย ร่วมเป็นครู ให้ความรู้ นอกเหนือไปจากคณาจารย์แพทย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำความรู้ ความสามารถ ไปใช้กับการทำงานในชีวิตจริงต่อไป