ดีเดย์ 1 ต.ค. เตรียมระบบ Sealed Area เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

17 กันยายน 2564

ตามแนวทางรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีแผนกำหนดเปิดประเทศ 120 วัน 1 พ.ย.64 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมในแบบวิถีใหม่ หลังจากที่ผ่านมาได้นำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ไปแล้วนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ย.64 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ร่วมประชุมติดตามความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่ชลบุรี (อำเภอบางละมุง และสัตหีบ) โดยมีภาครัฐ และเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมทัพพระยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลแนวทางการขับเคลื่อนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ารัฐบาลเดินหน้าตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางไว้เป็นระยะ หลังจากนำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ไปแล้ว ซึ่งเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้ 2 เดือนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่ดี เป็นที่น่าพอใจ  ทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถกลับมาฟื้นตัวสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก 

ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ เป็นเดือนที่วางแผนในการปรับมาตรการ พร้อมกับเข้าสู่แผนการเปิดพื้นที่ระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งแต่ละจังหวัดได้เตรียมความพร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้คนพื้นที่ และจัดเคมเปญต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์ หัวหิน รีชาร์จ ชาร์มมิง เชียงใหม่ และพัทยามูฟส์ออน ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ก.ย.64 นี้ ทางส่วนกลาง โดย ศบส.จะมีการประชุมเพื่อนำรายละเอียดในแต่ละพื้นที่ที่ดำเนินการ เสนอให้กับทาง ศบค. เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ประชุมพิจารณาตามลำดับ ที่รัฐบาลเดินหน้าตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำหนดไว้เป็นระยะ

ในส่วนของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และกลุ่มพื้นที่ 5 จังหวัด จะต้องมีการจัดทำระบบ SOP เพื่อกำหนดมาตรการควบคุม และป้องกันโรคติดต่อ โดยจะผ่านความเห็นชอบจากท้องถิ่น หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว จังหวัดของตนเอง และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ว่าจะกำหนดให้เป็นพื้นที่แบบไหน มีการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างไร โดยแนะให้เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี กำหนดเส้นทางท่องเที่ยว 2 อำเภอ คือ อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ ในรูปแบบ Sealed Area ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาพักกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อในพื้นที่ได้เลย 

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา ได้ดำเนินการคณะทำงานพัทยามูฟส์ออน โดยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกเป็นตัวอย่าง แต่เนื่องด้วยพื้นที่เมืองพัทยา ที่มีทั้งพื้นที่บนบก และพื้นที่เกาะ จึงไม่สามารถดำเนินการได้เหมือนภูเก็ต โดยใน 2 อำเภอที่กำหนดเป็นพื้นที่ดำเนินการ จะเป็นพื้นที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือเส้นทาง พัทยา-บางละมุง และเส้นทางบางละมุง-สัตหีบ พร้อมกันนี้ ยังได้ผลักดันในเรื่องของการสร้างระบบภูมิคุ้มกันหมู่ร้อยละ 70 ของประชชนในพื้นที่ ต้องได้รับการจัดสรรวัคซีน ก็มีความคืบหน้าโดยตลอด 

โดยสถานการณ์การกระจายวัคซีนในพื้นที่เป้าหมายกระจายวัคซีน 9 แสนโดส ก็มีความคืบหน้า จากข้อมูลพบว่า โรงพยาบาลบางละมุงให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว 1.2 แสนโดส โรงพยาบาลเมืองพัทยา 5 หมื่นโดส และวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มอีก 3 หมื่นโดส โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา 6 หมื่นโดส รวมไปถึงเครือข่ายประกันสังคมอีก 6 หมื่นโดส และหากวัคซีนได้รับการจัดสรรมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทันเวลาเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม 64

ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งให้มีการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวโดยเร็วที่สุด โดยแนะนำให้เมืองพัทยาได้ดำเนินการแนวทางพัทยามูฟส์ออนภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เดือนตุลาคมตามแผนเปิดพื้นที่ 5 จังหวัดของรัฐบาล โดยในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ จะเข้าสู่แผนระยะที่ 3 จะเปิดต่ออีก 21 จังหวัด ครอบคลุมทั้งประเทศ และจากรายงานพบว่า ภายในเดือนกันยายนคาบเกี่ยวถึงเดือนตุลาคม จะได้รับวัคซีนเข้ามาในประเทศอีกประมาณ 30 ล้านโดส ซึ่งต้องวางแผนเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม 70% โดยเร็วที่สุด เพื่อเปิดพื้นที่ทั้งจังหวัดต่อ พร้อมเปิดประเทศ 120 วันในวันที่ 1 พ.ย.64 ซึ่งต้องทำงานแบบเปิดเป็นสเต็ปบายสเต็ป ซึ่งจะได้นำเสนอต่อสาธารณสุขในเรื่องการพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่นำร่องทั้ง 5 จังหวัดด้วย

รัฐบาลยังวางแผนกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวได้ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องมาตรการตรวจโควิด-19 และด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน ส่วนปีหน้าเป็นแผนระยะที่ 4 จะเริ่มเดือนมกราคม 2565 มีแผนในการเปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอีก 13 จังหวัด โดยเป็นการจับคู่การท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือ Travel Bubble ซึ่งทั้ง 4 ระยะ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวรวม 43 จังหวัด ก่อนเปิดทั้งประเทศในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2565 พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมในแบบวิถีใหม่ ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ ร่วมเดินหน้าเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบสาธารณสุข เพี่อลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำ และเดินหน้าเข้าสู่การเปิดประเทศวิถีใหม่ไปพร้อมๆ กัน โดยเชื่อว่าในปี 65-66 บรรยากาศการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ที่มา: สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี