นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา

7 ธันวาคม 2562

วันที่ 4 ธันวาคม 2562 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยอง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา โดยมีพลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานกรรมการบริหารกองทุนท่าอากาศยานอู่ตะเภา และพลเรือโท กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวใจความตอนหนึ่งระหว่างการเปิดอาคารสนามบินหลังที่ 2 ว่า การคมนาคมคือการสร้างโอกาสความเท่าเทียมอย่างหนึ่งของประเทศ การเข้าสู่ยุคใหม่ของสนามบิน ถือเป็นมิติใหม่ของประเทศ ทุกอย่างจำเป็นต้องทำแผนแม่บทให้เกิดความชัดเจน รวมไปถึงการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่แต่ละที่ทุกระดับ รวมถึงยังมีการวางแผนไปจนถึงปี 2570 เป็นการคิดเพื่ออนาคต ที่จะปรับโฉมให้สนามบินแห่งนี้ รองรับคนได้ 3-5 ล้านคนต่อปี และสิ่งสำคัญคือ การพัฒนาทุกอย่าง ประชาชนได้อะไร ประเทศชาติได้อะไร เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงต้องพยายามคิดให้เกิดการพัฒนาให้เกิดสิ่งใหม่ๆ

ที่ผ่านมาการเดินทาง เสียเวลาการเดินทางด้วยรถยนต์ กินเวลามาก เสียโอกาส การเชื่อมโยงการคมนาคมที่เกิดขึ้นนี้ ก็เป็นการลดภาระต่างๆ ให้ประชาชน แต่ทุกอย่างไม่ได้เสร็จในปี หรือ 2 ปี แต่ต้องมีแบบแผน วางแนวทางให้ดี ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในอาเซียน ก็ต้องใช้ศักยภาพนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เชื่อว่าในอนาคตจะเกิดการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่องขึ้นไปอีก และในอนาคตข้างหน้ารัฐบาลก็จะผลักดันระบบคมนาคมของไทย ให้เกิดการเชื่อมโยงภูมิภาคแบบไร้รอยต่อ รวมถึงไม่ได้ให้ความสำคัญแค่กับภาคตะวันออก แต่ต้องพัฒนาทุกภูมิภาคของไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังเยี่ยมชมภายในอาคารผู้โดยสาร และเน้นย้ำถึงมาตรการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ หรือ ไบโอเมตริก ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อการรักษาความปลอดภัย และความมั่นคง เนื่องจากสนามบินอู่ตะเภาจะเป็นจุดผ่านแดนที่มีคนเข้าออกพลุกพล่าน

ทั้งนี้พลเรือเอกลือชัย กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ขยายขีดความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบิน และสนับสนุนการยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออกตามโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี